ช่วงเวลาและความถี่ในการช้อปปิ้ง
ช่วงเวลาทองของการช้อปปิ้งออนไลน์ในไทยคือ 20:00-22:00 น. โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมทำการช้อปมากที่สุด อาจเป็นเพราะมีเวลาพักผ่อนและต้องการเตรียมพร้อมสำหรับสัปดาห์ใหม่ ส่วนสถิติอื่นๆ ตัวเลขออกมาเป็นแบบนี้ครับ:
- 48% ของผู้บริโภคมีความถี่ในการช้อปออนไลน์ 2-3 ครั้งต่อเดือน
- 32% ช้อปมากกว่า 4 ครั้งต่อเดือน
- 31% ช้อปผ่าน Live Commerce มากกว่า 6 ครั้งในรอบ 12 เดือน
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าคนไทยไม่ได้จำกัดการช้อปเฉพาะช่วงเทศกาลหรือตอนมีโปรโมชันเท่านั้น แต่มีความถี่ในการช้อปปิ้งสูงและชอบที่จะซื้อผ่าน Live Commerce ที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าใกล้ชิดและรู้จักกับสินค้าและร้านค้ามากกว่า
อุปกรณ์และแพลตฟอร์มที่ใช้
มือถือยังคงเป็นอุปกรณ์หลักในการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยมีสัดส่วนการใช้งานถึง 85% ตามด้วยคอมพิวเตอร์ (12%) และแท็บเล็ต (3%)
สำหรับแพลตฟอร์มที่นิยม:
- ซูเปอร์แอปอย่าง Grab, Line และ Shopee ครองใจผู้บริโภคไทยถึง 45%
- ตลาดสินค้าออนไลน์ Shopee และ Lazada มีสัดส่วน 35%
- เว็บไซต์แบรนด์มีผู้ใช้ 20%
นอกจากนี้ โซเชียลคอมเมิร์ซก็กำลังเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง เพราะสะดวกและถูกใจคนไทย ที่ชอบใช้โซเชียลมีเดียกันมากเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว
วิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยม
การชำระเงินในยุค E-Commerce ของคนไทยมีหลายแบบ โดยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallets) ครองส่วนแบ่งสูงสุดที่ 40% รองลงมาคือโมบายแบงก์กิ้ง (35%) บัตรเครดิต (15%) และการเก็บเงินปลายทาง (10%)
นอกจากนี้ เรายังมีวิธีการชำระเงินรูปแบบใหม่ เช่น ผ่อนชำระ (BNPL) คริปโทเคอร์เรนซี คิวอาร์เพย์เมนท์ และพร้อมเพย์ ซึ่งมีสัดส่วน 44% ของธุรกรรมทั้งหมด แสดงถึงการยอมรับการชำระเงินแบบดิจิทัลที่เติบโตมากขึ้นในไทย
ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของคนไทย
แม้ว่าการซื้อสินค้าจะสะดวกสบาย แต่ผู้บริโภคยังคงมีปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อแบบนี้ครับ:
- ราคาและโปรโมชั่น (75%)
- รีวิวสินค้า (65%)
- ความสะดวกในการจัดส่ง (55%)
- แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ (45%)
- ความปลอดภัยของข้อมูล (คิดเป็น 77% ของผู้บริโภคชาวไทย)
หมวดหมู่สินค้ายอดนิยม
สินค้าที่ขายดีใน E-Commerce ไทย 2024 ขายดีสุดคือแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย (35%) อาหารและเครื่องดื่ม (25%) เครื่องสำอาง (20%) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (15%)
ความกังวลของผู้บริโภค E-Commerce ไทย
แม้จะมีความสะดวกสบายมากขึ้นและมีการซื้อขายกันมากขึ้น แต่สิ่งที่เป็นความกังวลของคนไทยในการช็อปออนไลน์คือ:
- ความกังวลเรื่องสินค้าปลอม (65%)
- ระยะเวลาการจัดส่ง (45%)
- การคืนสินค้า (35%)
- การติดต่อผู้ขาย (25%)
- ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและข้อมูล (77%)
แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ
ตลาด E-commerce ไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมากครับ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีถึง 63.21 ล้านคน และใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ เปิดโอกาสให้ธุรกิจและแบรนด์ต้องปรับตัวและพัฒนาในเรื่องนี้หลายด้าน อย่างเร่งด่วน
Social Commerce กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าออนไลน์ ด้วยการผสมผสานการขายเข้ากับการสร้างปฏิสัมพันธ์บนโซเชียลมีเดียกับลูกค้า ทำให้การซื้อขายไม่ใช่แค่การทำธุรกรรม แต่เป็นประสบการณ์ที่สร้างความผูกพันที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
ความปลอดภัยในการซื้อของออนไลน์ยังคงเป็นเรื่องที่คนไทยให้ความสำคัญและกังวลอย่างมาก ผู้บริโภคต้องการความมั่นใจในการช้อปปิ้ง ทั้งในแง่ของการปกป้องข้อมูลส่วนตัว ความปลอดภัยในการชำระเงิน
เพราะฉะนั้น แบรนด์จำเป็นต้องลงทุนในเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เพราะถ้าสร้างความไว้วางใจในเรื่องนี้ให้กับกับลูกค้าของคุณได้ จะเพิ่มโอกาสได้อีกมากในการทำ E-Commerce ครับ
การจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมการติดตามสถานะแบบเรียลไทม์ ไม่เพียงสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า แต่ยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมาก การเลือกระบบขนส่งจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากสำหรับการขาย E-Commere
ท้ายที่สุด การเชื่อมโยงประสบการณ์การซื้อทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ กำลังกลายเป็นความคาดหวังต่อไปของผู้บริโภคไทยครับ ธุรกิจที่สามารถมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก ราบรื่น และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด จะเป็นผู้ได้เปรียบในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนี้ต่อไป
ข้อเสนอแนะสำหรับธุรกิจ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มตลาด E-commerce ไทยนี้ ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้อย่างรวดเร็วครับ ซึ่งมันโตเร็วมาก มีคนพร้อมที่จะซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce รออยู่แล้วอย่างมากมาย
การพัฒนาระบบให้รองรับการใช้งานบนมือถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอันดับแรก เมื่อพิจารณาว่าผู้บริโภคกว่า 85% ใช้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์หลักในการช้อปปิ้งออนไลน์ ระบบต้องตอบสนองรวดเร็ว ใช้งานแบบเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ และมีฟังก์ชันที่ครบครันบนหน้าจอขนาดเล็ก
ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม เมื่อผู้บริโภคกว่า 77% แสดงความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ธุรกิจจึงต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และสื่อสารมาตรการป้องกันต่างๆ ให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจให้ได้
Social Commerce และ Live Commerce กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าออนไลน์ การผสมผสานทั้งสองช่องทางนี้เข้ากับกลยุทธ์การขายของแบรนด์ ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อ 31% ของผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่าน Live Commerce อย่างสม่ำเสมอ
ระบบการจัดส่งและบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ผู้บริโภคคาดหวังการจัดส่งที่รวดเร็ว การติดตามสถานะที่แม่นยำ และการแก้ปัญหาที่รวดเร็วเมื่อเกิดปัญหา
ท้ายที่สุด การสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสคือรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืน เมื่อ 65% ของผู้บริโภคกังวลเรื่องสินค้าปลอม ธุรกิจต้องแสดงความจริงใจในการดำเนินธุรกิจ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด
Citations: