จุดเริ่มต้นมาจากการที่เหล่านักพัฒนาโปรแกรม พากันเขียนโปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือในยุคแรกๆ ที่มี Distribution Platforms จำนวนมากแข่งขันกันในตลาดขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น iOS, Android, Windows Phone, Black Berry และอื่นๆ หากเราต้องการสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นมาสักอัน คนออกแบบต้องเขียนเป็นหลายภาษาเพื่อให้รองรับ OS ทุกเจ้า นั่นหมายถึงความยุ่งยากในการทำงาน และงบประมาณที่แพงมากในขณะนั้น
แนวคิด Cross Platform จึงเกิดขึ้น เมื่อมีคนคิดว่าทำไมเราไม่เขียนโปรแกรมขึ้นมาด้วยภาษาหลักที่ใช้ทำเว็บไซต์ (HTML) แล้วนำโปรแกรมนี้ไปรันบน Web Browser ทั่วไปที่มีอยู่ในทุก Platform นับจากนั้นมาจึงมีการพัฒนาต่อยอดแนวคิดนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันที่มี Platform หลักที่เหลือรอดจากการแข่งขันอยู่ในตลาดเพียงแค่ iOS และ Android เท่านั้น จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยี และการแข่งขันในตลาด ที่ช่วยให้เหล่าโปรแกรมเมอร์ทำงานกันได้ง่ายขึ้น เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐานใหม่ของการทำเว็บไซต์ ที่รวมจุดเด่นของทุกเทคนิคทุกรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน
Progressive Web Apps (PWA)
อย่างที่เกริ่นไปแล้วในแง่เทคนิคมันคือการแก้ปัญหาแบบง่ายมากๆ จากเดิมเมื่อเราต้องการใช้งานแอพสักอันหนึ่งต้องเริ่มจาก STORE > SEARCH FOR APP > DOWNLOAD > INSTALLATION
ส่วน Progressive Web App. จะเหลือเพียงแค่ เข้าเว็บไซต์ > กด ADD TO HOME SCREEN ก็จะสามารถใช้งาน App. ที่มีหน้าตา และฟีเจอร์ต่างๆ จาก Icon ที่หน้า Home Screen ได้ทันที
![](/images/blog/progressive-web-apps/cover.jpg)
ฟีเจอร์หลักของ Progressive Web Apps
นี่คือสิ่งที่ Google กำหนดเป็นแนวทางไว้เพื่อให้ PWA สร้างประสพการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน ตามคอนเซ็ปต์ให้ใช้งานได้เหมือนกับแอพ แต่ทำงานอยู่บน Browser ซึ่งจะลดขั้นตอนความยุ่งยากบน Store ที่สำคัญในส่วนของ Developer นั้นจะสามารถลดต้นทุนได้ถูกกว่าทำ Native Apps. หลายเท่าตัว!
- Progressive – ใช้ได้สะดวกทุก Browser และทุก Mobile Platform
- Responsive – เหมาะกับทุก Device ไม่ว่าจะเป็น Tablet, Mobile
- Connectivity independent – ทำ Cache เก็บไว้ในตัว, ทำงานได้ทั้ง online และ offline
- App like – มี Interface หน้าตาเหมือน Application ทั่วๆไป
- Fresh – เรียลไทม์อัพเดททันที หมดปัญหายุ่งยากเมื่อต้องอัพเดทจาก Store หรือต้องรอเป็นวันๆ
- Safe – เป็นที่ยอมรับในเรื่องความปลอดภัยเมื่ออยู่บน HTTPS
- Discoverable – รู้ว่าเป็น Application ด้วยมาตรฐาน W3C ที่กำหนดให้ Web มี Manifest ได้ ทำให้เราแยกได้ว่าอันไหนเป็น App อันไหนเป็นเว็บ
- Re-Engageable – ต้อง Re-Engage กับลูกค้าได้ นั่นก็คือ Push Notification โดยที่ไม่ต้องเปิดแอพทิ้งไว้
- Installable – ต้องสามารถ Install ได้ ทั้งที่เป็นเว็บแต่ก็สามารถ Install ได้
- Linkable – คุณสมบัติเป็น Link และแน่นอนว่ามี Url.
ทิศทางในอนาคตนั้น PWA จะถูกนำมาใช้เป็นแอพเล็กๆ ไม่ได้มี Interactive เยอะ รวมไปถึงทำเป็น Lite Version แยกออกมาจากแอพใหญ่ อย่างเช่น uber ที่มีแอพหลักของเค้าอยู่ แต่ก็มี PWA แยกออกมา ที่ผู้ใช้สามารถเข้าเว็บแล้วกดจองได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการยุ่งยากในการโหลดแอพบน Store หรือ aliexpress.com ที่สามารถดูสินค้าและเลือกซื้อได้อย่างรวดเร็ว : Google Developers Expert
สรุปสุดท้ายคือ ขณะนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งหลายในโลกได้ให้ความสำคัญ และเริ่มดำเนินการไปแล้วกับ PWA ดูตัวอย่างจริงได้ที่ > Progressive Web Apps ในปี 2020 ส่วนผู้ประกอบการบ้านเราคาดว่าจะเริ่มมีการปรับใช้กับธุรกิจอย่างกว้างขวางในไม่ช้า หวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจ เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีด้านเว็บไซต์เพื่อการตลาดของบริษัทนะครับ หากมีข้อสงสัยที่ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ท่านสามารถปรึกษาพูดคุยโดยตรงกับ Developer และ Tech Solution Engineer ของเรา เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็น Progressive Web Apps, JAMstack และ Headless CMS แล้วตัดสินใจว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ตอบโจทย์ด้านการตลาด และธุรกิจของคุณหรือไม่